เมื่อมนุษย์อยู่กันเป็นสัตว์สังคมซึ่งเป็นการตอบสนองต่อธรรมชาติของมนุษย์และความจำเป็นในการอยู่รอดและความร่วมมือนั้น มนุษย์แต่ละคนเป็นความสมบูรณ์ในตัวเองในแง่ชีวภาพ แต่เมื่ออยู่กันเป็นสังคมมนุษย์จะพัฒนาบุคลิกภาพขึ้นมา จะมีความคิด ค่านิยม และปทัสถาน ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวไม่สามารถจะเกิดขึ้นจากช่องว่างของอากาศ หากแต่เกิดจากระบวนการกล่อมเกลาเรียนรู้หรือสั่งสอนอบรม ซึ่งเกิดขึ้นในหน่วยที่สำคัญที่สุดของสังคม นั่นคือ ครอบครัว อันได้แก่ มนุษย์ที่มีเพศต่างกันอยู่ร่วมกันและตอบสนองต่อความต้องการที่จะสืบเผ่าพันธุ์จนมีลูกมีหลานออกมา อยู่ร่วมกันหลายชั่วคน ตั้งแต่ทวด ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ลูก หลาน เหลน โหลน ลื้อ แต่เนื่องจากอายุขัยที่จำกัด ครอบครัวที่มีสมาชิกครบทุกรุ่นดังกล่าวนี้คงหาได้ยาก ส่วนใหญ่จะเป็นเพียง 3 รุ่นคือ ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ลูกหลาน อาจจะมีถึง 4 รุ่นคือเหลน ซึ่งต้องถือเป็นข้อยกเว้น
ครอบครัวเป็นหน่วยที่สำคัญของมนุษย์ เพราะเป็นหน่วยที่ไม่ใหญ่เกินและก็ไม่เล็กเกินไป เป็นหน่วยที่สามารถอยู่รวมกันเป็นหน่วยเล็กๆ ได้ พึ่งพากัน และเมื่อประกอบรวมหลายครอบครัวผสมผสานกันก็จะกลายเป็นหลายสังคม สังคมจึงประกอบด้วยครอบครัวมนุษย์จำนวนหนึ่ง
สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นในครอบครัวนอกเหนือจากการตอบสนองทางจิตใจ การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพึ่งพากันในทางเศรษฐกิจ ยังมีกระบวนการที่สำคัญยิ่ง นั่นคือ กระบวนการกล่อมเกลาเรียนรู้ทำการอบรมสั่งสอนจากรุ่นที่มีอาวุโสมากกว่าคือ ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ถ่ายทอดไปยังลูกเพื่อให้มีความรู้และทักษะในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ เพื่อให้สืบทอดค่านิยม ปทัสถานที่จะนำไปสู่การอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม เพื่อที่จะถ่ายทอดศีลธรรม จริยธรรม คุณธรรม และที่สำคัญที่สุดเพื่อถ่ายทอดทักษะในการสื่อสารทางภาษา ดังนั้น การกล่อมเกลาเรียนรู้ในครอบครัวในยาวเยาว์วัยจะมีการสอนพูด สอนกิริยามารยาท สอนการปฏิบัติตัว สอนความสัมพันธ์ที่มีต่อสมาชิกอื่นในครอบครัว และเมื่อออกไปนอกครอบครัวจะเป็นฐานในการสร้างความสัมพันธ์กับคนในสังคม กระบวนการกล่อมเกลาเรียนรู้ของครอบครัวอันเกิดจากปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ ไปสู่ลูกและหลานนั้นจึงเป็นกระบวนการที่สำคัญที่สุด เพราะจะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นตัวตนของแต่ละคนในแต่ละครอบครัวนั้น ที่เรียกว่า บุคลิกภาพ โดยจะได้รับการอบรมสั่งสอนให้เป็นบุคคลที่มีค่านิยม ปทัสถาน โลกทัศน์ วิธีคิด วิธีพูดจา วิธีปฏิบัติตน ครอบครัวมนุษย์จึงเป็นหน่วยสังคมหน่วยแรกที่สร้างสมาชิกให้กับสังคม ครอบครัวนอกจากจะสร้างมนุษย์ที่เป็นชีวภาพ ยังสร้างมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคมที่สามารถอยู่ร่วมกับสมาชิกอื่นในสังคมได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ขงจื้อจึงเน้นความสัมพันธ์ของครอบครัว โดยให้ครอบครัวเป็นหน่วยพื้นฐานในการสร้างมนุษย์ที่สามารถจะอยู่ร่วมกันในครอบครัวและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม และเพื่อให้น้ำหนักของครอบครัวมีมากขึ้น สังคมจีนโบราณยังมีเอกลักษณ์ของแต่ละครอบครัว นั่นคือ การมีแซ่หรือชื่อตระกูลซึ่งมีจำเป็นจำนวนมาก โดยแซ่แต่ละแซ่นั้นถือว่าสืบเชื้อสายติดต่อกันมา และแต่ละแซ่ก็จะมีประวัติบรรพบุรุษที่น่าภูมิใจ
เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งระบบครอบครัวและประวัติความเป็นมา สังคมจีนโบราณจึงเน้นเรื่องงานศพ มีการทำสุสานฝังศพสมาชิกของครอบครัวไว้ที่เดียวกัน มีแผ่นศิลาสลักชื่อบรรพบุรุษและผู้ตาย รวมทั้งลูกหลานผู้ตาย เป็นการบักทึกของครอบครัว และเมื่อรวมหลายๆ ครอบครัวที่เป็นแซ่เดียวกันก็จะกลายเป็นแซ่ที่ยิ่งใหญ่ โดยบางแซ่มีจำนวนหลายร้อยล้านคน เนื่องจากมีวิวัฒนาการมา 4-5 พันปี ระบบครอบครัวของจีนจึงเป็นระบบที่แข็งแกร่งที่สุด และที่สำคัญยังมีการอบรมสั่งสอนในเรื่องหน้าที่ของกุลบุตรกุลธิดา ความรับผิดชอบ ความกตัญญูรู้คุณ การประกอบพิธีกรรม การบูชาบรรพบุรุษ การระลึกถึงคำสั่งสอน การสืบต่อกิจการของครอบครัว ตระกูลแซ่ที่เป็นนักรบก็จะสืบเชื้อสายเป็นนักรบเป็นเวลานาน บางตระกูลจะรับใช้องค์จักรพรรดิหลายองค์เช่นตระกูลหยางในประวัติศาสตร์จีน เป็นต้น แซ่ยังเป็นหนึ่งในสามของสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญของจีน มีการกล่าวว่า สิ่งอัศจรรย์ของจีนมี 3 อย่าง (1) คือ ตระกูลแซ่ คนซึ่งไม่รู้จักกันพบกันที่นิวยอร์กแต่พอรู้ว่าเป็นแซ่เดียวกันก็จะเริ่มนับญาติ (2) คือกำแพงเมืองจีนซึ่งยาวถึง 5 พันกิโลเมตร (3) ตะเกียบที่ใช้รับประทานอาหาร โดยวัฒนธรรมใช้ตะเกียบขยายไปถึงญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม และที่อื่นๆ ทั่วโลก ตะเกียบถือเป็นเครื่องมือรับประทานอาหารที่อัศจรรย์
ครอบครัวจึงเป็นหน่วยพื้นฐานของสังคม ครอบครัวใดมีความสุขอยู่กันโดยสมานฉันท์ มีการสืบทอดค่านิยมที่ถูกต้อง มีการศึกษาอบรมทั้งในครอบครัวและสนับสนุนให้ศึกษาเล่าเรียนสูงขึ้นในสถาบันการศึกษา ครอบครัวนี้ก็จะมีสมาชิกที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์สังคม ครอบครัวใดที่มีความแตกแยก บ้านแตกสาแหรกขาด ลูกหลานขาดความสุข มีค่านิยมที่ผิด ไร้จริยธรรม ก็เท่ากับเป็นการผลิตสมาชิกครอบครัวที่จะอออกไปเป็นสมาชิกที่เป็นอันตรายต่อสังคม โกงกิน ฉ้อราษฎร์บังหลวง เอาเปรียบผู้อื่น เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่คำนึงถึงประเทศชาติและส่วนรวม
ความล้มเหลวของการกล่อมเกลาเรียนรู้ในครอบครัวซึ่งมาจากครอบครัวที่ไม่มีความสุข พ่อแม่ที่หลงผิด จึงไม่เพียงแต่ส่งผลถึงสมาชิกในครอบครัวเท่านั้น ยังส่งผลถึงสังคมและประเทศชาติโดยรวมอีกด้วย คำถามที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรจึงจะมีระบบครอบครัวที่สามารถผลิตสมาชิกให้กับสังคมตามที่พึงปรารถนา คำถามนี้เป็นคำถามใหญ่ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอันได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำเป็นจะต้องร่วมมือกันหาทางออกและวางนโยบายที่เหมาะสม แต่ที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ซึ่งเป็นฐานหลักของครอบครัวจะต้องเข้าใจถึงความสำคัญของหน่วยหลักของสังคมนี้ ซึ่งขงจื้อได้ให้ความสำคัญเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว และยังถือว่าไม่ใช่เรื่องล้าสมัย เพราะจริงๆ แล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าครอบครัวที่ดีมีความสุขก็คือฐานรากของสังคมที่มีการพัฒนา
ครอบครัว: หน่วยพื้นฐานสังคม / ความคิดอิสระ
ศ.ดร.ลิขิต ธีรเวคิน28/1/2552