นั่นคือเรื่อง The old man and the sea โดยผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชั่นชาวรัสเซีย ชื่อเล็คซานเดอร์ เปตรอฟ เนื้อเรื่องจากบทประพันธ์ของ เออร์เนส แฮมมิ่งเวย์ ภาพยนต์เรื่องนี้ได้รับรางวัลออสการ์สาขา short animation ในปี พ.ศ. 2543
ทั้งเรื่องใช้เทคนิคระบายสีน้ำมันแบบแห้งช้าลงบนแก้ว ใช้นิ้วมือวาดแทนพู่กัน แบบต่างระดับบนแผ่นกระจก ซึ่งสามารถทำให้เห็นความแตกต่าง ในองค์ประกอบของภาพ ระหว่างฉากหน้าและฉากหลังอย่างเห็นได้ชัด ผมคิดว่าฉากท้องฟ้าคงใช้นิ้วมือเกลี่ยสี เป็นก้อนเมฆ อากาศและแสงเงาตามเวลาที่เปลี่ยนไป
ขั้นตอนการทำงาน หลังจากที่เปตรอฟพอใจกับภาพ ที่ได้ในแต่ละฉากแล้ว ก็จะค่อยๆ ไล่สี จากฉากหลังขึ้นมาเรื่อยๆ เพื่อทำให้ภาพมีสีสมบูรณ์ที่สุด โดยจะทำไปทีละเฟรม จากนั้นก็จะค่อยๆ แก้ไขภาพทีละภาพ แต่ละเฟรม ไปเรื่อยๆ ใช้เวลาทำงานรวม 2 ปี ตั้งแต่ มีนาคม พ.ศ. 2540 ถึง เมษายน พ.ศ. 2542 สร้างเป็นภาพยนตร์สั้นประมาณ 20 นาที ซึ่งส่งผลให้ภาพที่ปรากฏบนจอมีความสวยแปลกตา ละเอียดอ่อน ถ่ายทอดสภาพภูมิประเทศ บุคลิกของตัวละคร บรรยากาศต่างๆ ออกมาได้ใกล้เคียงกับที่เฮมมิงเวย์พรรณนาไว้
งานแอนิเมชั่นของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงแตกต่างจากเรื่องทั่วไป มีมิติความเคลื่อนไหวที่เกิดจากภาพเขียน 2 มิติ ที่สำคัญการระบายสีส่วนใหญ่ใช้นิ้วมือ การใช้นิ้วมือวาดรูปเพื่อต้องการสื่อความรู้สึกของใจสู่ภาพเขียนโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น ใจกับภาพเขียนจึงมีระยะใกล้กันมากขึ้นถ้าไม่ต้องจับพู่กัน
ในขณะที่ชายชรากำลังหลับใหล เขาฝันถึงกลาสีเรือหนุ่มบนดาดฟ้าเรือลำหนึ่งกำลังแล่นเรือออกจากทวีปแอฟริกาไกลออกไปเรื่อยๆ กลาสีเห็นหมู่สิงโตที่อยู่บนชายฝั่งค่อยๆ เลือนหายไป ชายชราต้องตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเรียกจาก "มาโนลิน" ซึ่งเป็นเพื่อนต่างวัย
"ซานติเอโก" เป็นชื่อของชายชราชาวประมงชาวคิวบา นับถึงวันนี้ก็ 84 วันมาแล้ว เขายังจับปลาไม่ได้สักตัวเดียว ในอดีตเขาคือชาวประมงหนุ่มผู้หยิ่งทระนง เชื่อมั่นในฝีมือตัวเอง แต่ปัจจุบันเขาเป็นเพียงชาวประมงชราที่ไร้ความหวังและเข้าสู่ปัจฉิมวัยแล้ว
สำหรับซานติเอโกแล้ว ความหวังครั้งสุดท้ายที่เขาตั้งใจจะทำให้สำเร็จคือการได้ออกเรือจับปลาอีกสักครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าคนเราคงไม่อับโชคตลอดไป มาโนลิน เคยคาดหวังไว้ว่าจะได้ออกไปเรียนรู้จากท้องทะเลกับเพื่อนคู่คิดต่างวัยคนนี้ แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้าดูซานติเอโกออกเรือไปโดยลำพังในเช้าตรู่วันหนึ่ง ภาพเรือของซานติเอโกแล่นจากชายฝั่งไกลออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหายลับไปจากสายตาของมาโนลิน
ในอาณาเขตแห่งทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล ซานติเอโก หวังจะจับปลาที่ไม่ธรรมดาสักครั้ง เพื่อเป็นรางวัลชิ้นใหญ่ของชีวิต แต่ตลอดเช้าที่ผ่านมานี้ เขาตกได้เพียงปลาขนาดเล็กๆ ด้วยความตั้งใจอย่างมุ่งมั่น เวลาผ่านไปกว่าครึ่งวัน ในที่สุดสายเบ็ดของซานติเอโกก็ขึงตึงขึ้นจากสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่ติดเบ็ดเข้าแล้ว มันเป็นปลาขนาดใหญ่ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเจอ มันคือปลา "มาร์ลิน" (ปลากระโทงแทง) ขนาดยักษ์ยาว 18 ฟุต ช่วงเวลาของการต่อสู้เพื่อชีวิตกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ซานติเอโกใช้เวลาตลอดสองวันสองคืน กับการวัดความแข็งแกร่งกับคู่ปรปักษ์ยักษ์ที่ดึงสายเบ็ดลากเขาและเรือออกไปสู่เขตทะเลลึก ชายชราไม่อาจที่จะปล่อยหรือแม้แต่ขยับการจับยึดคันเบ็ดที่ถืออยู่ได้เลย เพราะการเปลี่ยนแปลงแม้เพียงเสี้ยววินาทีอาจทำให้คู่ต่อสู้ของเขาได้เปรียบและชนะไปในที่สุด
เวลาที่ทอดนานออกไปทำให้ความทรงจำในวัยเยาว์จากอดีตของซานติเอโก ฉายภาพชัยชนะของการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ที่เขายื้อยุดเพื่อต่อสู้กับปลายักษ์ที่แข็งแรงและทรงพลังกว่า 24 ชั่วโมงในสงครามแห่งชีวิตที่ผ่านมาก็คงไม่ต่างจากครั้งนี้ ซึ่งชายชรามั่นใจว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะอีกครั้ง ถ้าหากว่าสามารถเอาชนะจิตใจตัวเองได้
เมื่อย่างเข้าสู่วันที่สาม โชคก็เป็นของซานติเอโก เมื่อปลายักษ์เริ่มเหนื่อยและหมดแรงที่จะยื้อกับเขาต่อไป ชายชราใช้กำลังเฮือกสุดท้ายแทงฉมวกไปที่ตัวของมัน การต่อสู้ยุติลงแล้ว ปลายักษ์ถูกลากมาตรึงไว้ด้านข้างของเรือ แต่ในเย็นวันนั้นโชคร้ายก็กลับมาเยือนเขาอีกจนได้ เมื่อปลาฉลามกระหายเลือดตัวหนึ่งตรงรี่เข้ามากัดกินเหยื่อขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านข้างของเรือ มันทั้งดึงและลากปลาชิ้นใหญ่ของซานติเอโกออกไป
การต่อสู้กับศัตรูที่ไม่ได้รับเชิญเริ่มขึ้นอีกครั้ง ตัวแล้วตัวเล่าที่เฝ้าวนเวียนเข้ามาท้าทาย แต่ในที่สุดชายชราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาล้มตัวลงบนเรืออย่างท้อแท้ ค่ำวันนั้นซาติเอโกและเรือก็กลับถึงฝั่งพร้อมๆ กับฉลามหิวที่ยังคงตอดและงับปลาของเขาอย่างไม่เห็นแก่หน้าเจ้าของ
ในเช้าวันรุ่งขึ้น บริเวณริมชายหาด บรรดาชาวประมงและชาวบ้านในแถบนั้นกำลังจับกลุ่มพูดคุยกันถึงก้างปลาขนาดยักษ์ที่ผูกติดอยู่ข้างๆ เรือของชายชรา
ที่กระท่อมหลังเดิม บนเตียงที่คุ้นเคย และจากความอ่อนเพลียในสงครามแห่งชีวิตที่เขาเป็นทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ในเวลาเดียวกัน ชายชรานอนหลับสนิทอย่างไม่รู้เดือนรู้ตะวัน เมื่อเขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาเห็น มโนลิน เพื่อนต่างวัยในแววตามีกังวลซ่อนอยู่
สร้างสรรค์ อิสระเสรีภาพ
รวบรวมค้นหาสินค้าดีๆเพื่อคุณ
ชายชราไม่ได้เอ่ยถึงความเสียใจและเสียดายเลย หนุ่มน้อยมาโนลินซื้ออาหารเช้ามื้อพิเศษมาฝากชายชรา เป็นฉากจบอันอบอุ่น