วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

เกลือหินเกลือแปลกที่เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน


คุณอาจไม่เคยได้ยินชื่อเกลือชนิดนี้มาก่อนแน่นอนเกลือหิน

วันนี้เรามานำเสนอเกลือชนิดแปลกๆ

เกลือหิน (อังกฤษ: rock salt) คือ ทรัพยากรแร่ตามธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากการตกตะกอนของน้ำทะเล เกลือหินที่พบในประเทศ ไทยแบ่งตามส่วนประกอบทางเคมีออกเป็น 2 ประเภทคือ

ส่วนที่เป็นเกลือแกง หรือที่รู้จักกันว่าเกลือสินเธาว์ เรียกว่าแร่ เฮไลต์ (Halite) มีองค์ประกอบทางเคมีคือ โซเดียมคลอไรด์ (NaCl) ประกอบด้วย คลอรีน (Chlorien) ร้อยละ 60.7 และ โซเดียม (Sodium) 
ร้อยละ 39.3 เกลือมีน้ำหนักโมเลกุลเท่ากับ 58.4 มีรูปผลึกแบบสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ใสไม่มีสีเมื่อบริสุทธิ์ แต่เมื่อมีมลทินจะมีสีขาว สีเทา สีน้ำตาล และสีส้ม มีความถ่วงจำเพาะ 2.165 ความแข็งตามสเกลของมอร์ (Moh's Scale) 2.5 มีจุดหลอมตัวที่ 800.8 องศาเซลเซียส และน้ำเกลือจะเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งที่อุณหภูมิลบ 21.12 องศาเซลเซียส 

เกลือชนิดนี้มีประโยชน์ที่สำคัญนอกจากใช้ในการปรุงอาหารและถนอมอาหารแล้ว ยังมีประโยชน์อย่างมากในการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหรรมหลายชนิดเช่นการทำโซดาไฟ (NaOH) โซดาแอช (Na2CO3)


ส่วนที่มีส่วนประกอบของธาตุโปแตสเซียม อยู่ด้วยเรียกว่า เกลือโปแตส มีหลายชนิดด้วยกันเช่นแร่ ซิลไวท์ (Sylvite : KCl) แร่คาร์นัลไลท์ (Carnallite : KCl.MgCl2.6H2O) แร่เคนไนท์ 
(Kainite : MgSO4.KCl.3H2O) และแร่ แลงบิไนท์ (Langbenite : K2SO4.2MgSO4) เป็นต้น 


เกลือโปแตสมีประโยชน์ในการใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยเคมีโดยเนื่องจากมีธาตุ โปแตสเซียม (K) เป็นส่วนประกอบสำคัญ
แหล่งเกลือหิน

วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

เบียร์ดดราก้อน หรือ มังกรเคราสัตว์แปลกๆ มีจุดเด่นที่ถุงใต้คอซึ่งเป็นหนามแหลม แลดูคล้ายเครา

เบียร์ดดราก้อน หรือ มังกรเครา
สัตว์แปลกๆ มีจุดเด่นที่ถุงใต้คอซึ่งเป็นหนามแหลม แลดูคล้ายเครา


เบียร์ดดราก้อน


ตัวผู้

ช่วงนี้สภาวะอากาศในประเทศวิปริตวิปลาสไปหมดแล้วไหนจะอากาศเปลี่ยนแปลงแล้วก็ฝุ่นละออง pm ที่มีมากมายวันนี้หาโอกาสมาเรียบเรียงบทความมานำเสนอสัตว์ที่จะนำเสนอในวันนี้มีชื่อว่า
เบียร์ดดราก้อน หรือ มังกรเครา

 (อังกฤษ: Bearded dragon, Inland bearded dragon, Central bearded dragon; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pogona vitticeps) สัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง จำพวกกิ้งก่า ในวงศ์กิ้งก่า (Agamidae)

เบียร์ดดราก้อน มีสีลำตัวตามธรรมชาติสีน้ำตาลสลับกับลายสีครีมเข้ม ตามลำตัวจะเต็มไปด้วยเกล็ดและหนามเล็ก ๆ ใช้สำหรับป้องกันตัวจากศัตรูผู้ล่า แต่ไม่อาจทำอันตรายสัตว์อื่นใดก่อนได้ ขนาดเมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวรวมหางประมาณ 16-18 นิ้ว มีจุดเด่นที่ถุงใต้คอซึ่งเป็นหนามแหลม แลดูคล้ายเครา อันเป็นที่มาของชื่อสามัญ ยิ่งโดยเฉพาะในตัวผู้ในวัยเจริญพันธุ์จะมีถุงนี้เห็นได้ชัดเจน ซึ่งจะแผ่ขยายออกเป็นสีดำเวลาตื่นเต้น ตกใจ ต่อสู้ หรือใช้ในการเกี้ยวพาราสีตัวเมีย

กระจายพันธุ์อยู่ในทะเลทราย ที่มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับกับเนินทรายเตี้ย ๆ ในประเทศออสเตรเลีย แถบรัฐควีนส์แลนด์, นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี, นิวเซาท์เวลส์ และวิกตอเรีย โดยหากินและอาศัยอยู่บนพื้นมากกว่าจะปีนป่ายตามก้อนหินหรือต้นไม้

กินอาหารได้ทั้งพืชและสัตว์ เช่น หนอน, แมลง, กิ้งก่าขนาดเล็ก, ผักชนิดต่าง ๆ เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 8-12 เดือน ในช่วงผสมพันธุ์ ตัวผู้อาจจะผสมพันธุ์กับตัวเมียได้หลายตัว อาจถึงหลักสิบ ใช้เวลาตั้งท้องนาน 20-28 วัน เมื่อวางไข่ ตัวเมียจะไม่กินอาหารก่อน 2-4 วัน ซึ่งตัวเมียจะขุดหลุมกับพื้นทราย ก่อนที่จะวางไข่ในหลุมประมาณ 20-30 ฟองต่อครั้ง หลังจากวางไข่เรียบร้อยแล้ว ตัวเมียสามารถตั้งท้องได้อีกโดยที่ไม่ต้องผ่านการผสมพันธุ์อีกราว 2-4 ท้อง โดยทิ้งช่วงระยะเวลาประมาณ 20-28 วัน เท่ากับการตั้งท้อง ไข่เบียร์ดดราก้อนใช้เวลา 55-65 วัน ในการฟักเป็นตัว อุณหภูมิเป็นส่วนสำคัญในการกำหนดเพศเหมือนเช่นสัตว์เลื้อยคลานอีกหลายประเภท


อุปนิสัยและพฤติกรรมของเบียร์ดดราก้อนนั้นในธรรมชาติของเบียร์ดดราก้อนเป็นสัตว์ที่หวงถิ่นที่อยู่มาก เบียร์ดดราก้อนไม่ว่าเพศผู้หรือเพศเมียนั้นเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษในธรรมชาติ เบียร์ดดราก้อนไม่จับคู่อยู่ร่วมกันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่มแต่อย่างใด เบียร์ดดราก้อนนั้นไม่มีความผูกพันธ์ุทางสายเลือดและไม่อาจมีความรู้สึกรักหรือว่ารับรู้ถึงการมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมสายพันธ์ุได้ การที่ผู้เลี้ยงไม่ศึกษาพฤติกรรมที่ของเบียร์ดดราก้อนให้รอบคอบ 

อาจจะทำให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงได้ เบียร์ดดราก้อนเพศผู้นั้นจะเข้าขู่เบียร์ดดราก้อนผู้รุกรานในทันทีที่พบเห็นโดยการฉีดสีไปในส่วนเคราให้เป็นสีดำและการยักหัวขึ้นลงอย่างรุนแรง ก่อนที่เพศผู้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ตัวเล็กกว่าจะโบกมือขึ้นลงอย่างช้า ๆ แสดงความยอมแพ้และถอยหนี แต่ถ้าหากว่าเพศผู้ทั้งคู่มีความเหี้ยนกระหือรือทั้งคู่ การเข้าขู่และวิ่งไล่กัดกันย่อมเกิดขึ้น ตามมาด้วยความตายหรือบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย เบียร์ดดราก้อนจำนวนไม่น้อยนั้นได้สูญเสียนิ้ว ขา หรือหาง มาจากการต่อสู้ไม่ว่าในวัยเด็กเล็กหรือโตเต็มวัย หรือแย่กว่านั้นอาจทำให้แผลเกิดการติดเชื้อตามมาด้วยการเน่าและถึงแก่ความตายได้ เบียร์ดดราก้อนไม่ควรนำมาเลี้ยงด้วยกันไม่ว่าจะเพศผู้หรือเพศเมีย 

ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะให้มันมาอยู่ร่วมกันคือช่วงการผสมพันธุ์ชั่วคราวเท่านั้น การที่เบียร์ดดราก้อนสองตัวเอาตัวทับกันนั้นไม่ได้เป็นการแสดงออกถึงความรักแต่อย่างใด แต่หากเป็นการแสดงถึงความเป็นใหญ่ในอาณาเขตของตน ตัวที่เป็นใหญ่นั้นจะเอาร่างตัวมันเองบังแสงและความร้อนจากดวงอาทิตย์ทำให้อีกตัวไม่สามารถได้รับแสงได้อย่างเหมาะสม ลักษณะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่การแสดงออกทางความรักแต่อย่างใด

เนื่องจากเบียร์ดดราก้อนเป็นสัตว์เลือดเย็นไม่สามารถสร้างความร้อนเองได้ อาจส่งผลทำให้ตัวที่ด้อยกว่านั้นส่งผลเสียทางสุขภาพและความเครียดในระยะยาวอาทิ ซึมเศร้า ขาดน้ำและขาดสารอาหาร ซึ่งสามารถทำให้ถึงตายได้ เบียร์ดดราก้อนเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยแสดงออกทางอาการ ไม่ว่าจะเจ็บ หรือป่วย แต่จะตายทันทีเมื่อถึงขีดสุดที่มันจะทนได้ เบียร์ดดราก้อนที่มีอาการเครียดนั้น จะแสดงออกโดยการฉีดสีดำเข้าไปที่ใต้ท้อง มีลักษณะเป็นเส้นลายวง ๆ เบียร์ดดราก้อนที่ไม่มีอาการเครียดจะมีท้องลักษณะขาวโพลน ไม่มีเส้นดำ หรือลายใด ๆ ใต้ท้องลำตัว หากมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น ควรที่จะนำเบียร์ดดราก้อนไปในที่ที่มันรู้สึกปลอยภัยเช่นตู้ที่อยู่ของมันในทันที มักจะทำให้อาการเหล่านี้หายไปได้ 


เบียร์ดดราก้อนเป็นสัตว์ที่ขี้เกียจ ไม่ค่อยชอบเดินและมักจะอยู่เฉย ๆ ตากแดดตลอดวัน เมื่อเบียร์ดดราก้อนรู้สึกร้อน มันจะอ้าปากเพื่อเป็นการคลายความร้อน เนื่องจากเบียร์ดดราก้อนเป็นสัตว์เลื้อยคลาน พวกมันไม่สามารถระบายความร้อนทางเหงื่อได้เฉกเช่นมนุษย์ เบียร์ดดราก้อนที่ตากแดด ควรจะมีที่กำบังขณะตากแดดบ้าง จะทำให้เบียร์ดดราก้อนสามารถเข้าไปหลบแดดได้ 

เพื่อหลีกเลี่ยงการช็อกตายโดยความร้อนจัดในเวลากลางวัน เบียร์ดดราก้อนเป็นสัตว์ที่เก็บน้ำในร่างกาย พวกมันกินน้ำน้อยมากต่อวันหรือไม่กินเลย เบียร์ดดราก้อนบางตัวมักไม่ยอมกินน้ำจากถ้วย แต่พวกมันสามารถได้รับน้ำจากอาหารที่กินเช่นผักหรือผลไม้ได้ ลักษณะของเบียร์ดดราก้อนที่แข็งแรงนั้นควรจะหัวเชิดตรง ดวงตาเปิดเป็นวงกลมเต็มที่ ไม่ง่วงซึมช่วงตอนกลางวันแต่อย่างใด


เบียร์ดดราก้อน นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะมีอุปนิสัยไม่ดุร้าย ไม่กัดหรือทำร้ายมนุษย์ โดยสามารถเพาะขยายพันธุ์ในที่เลี้ยงได้ โดยมักจะเป็นตู้ปลาที่ปูพื้นด้วยทรายหรือกรวดแห้ง ๆ เหมือนสภาพที่อยู่ในธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบัน สามารถเพาะเบียร์ดดราก้อนที่มีความยาวถึง 22 นิ้วได้ ซึ่งนับว่ามีความใหญ่กว่าขนาดในธรรมชาติ หรือมีสีต่าง ๆ ผิดไปจากธรรมชาติด้วย เช่น สีแดง, สีเหลืองทั้งตัว หรือหนามบนตัวหายไปหมด หรือแม้แต่ลำตัวโปร่งใสจนมองเห็นอวัยวะต่าง ๆ ภายในได้ลาง ๆ ดวงตามีแต่ส่วนตาดำ ไม่มีตาขาว เป็นต้น


มีจริงๆหรือนี้ ในยุคเมโสโปเตเมียเคยมีการ “ประมูลเจ้าสาว” หากไม่พอใจยังสามารถนำมาคืนได้อีกด้วย


เชื่อหรือไม่? ในยุคเมโสโปเตเมียเคยมีการ “ประมูลเจ้าสาว” หากไม่พอใจยังสามารถนำมาคืนได้อีกด้วย

โดยเรื่องราวนี้เกิดในยุค “เมโสโปเตเมีย” หนึ่งในอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดของโลก มีถิ่นฐานอยู่แถบลุ่มแม่น้ำไทกรีส ยูเฟรติส หรือในปัจจุบันก็คือพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอิรักเลยไปถึงซีเรีย และตุรกีในบางส่วน

โดยการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ก็คงจะไม่พ้นเรื่องของการมีคู่ครอง แต่การแต่งงานของคนในยุคนั้นก็มีวิธีการแปลก ๆ อยู่ คือการแต่งงานในแต่ละครั้ง จะมีการจัดประมูลเจ้าสาว เพื่อเลือกมาเป็นคู่ครองของหนุ่ม ๆ ในสมัยนั้น หรือเรียกอีกอย่างว่า “ตลาดการแต่งงาน” พิธีการจะถูกจัดขึ้นในทุก ๆ ปี

เพราะในยุคนั้นหญิงสาวจะถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ทรัพย์สินของผู้ชายเท่านั้นเอง โดยงานประมูลเจ้าสาวก็เหมือนการประมูลสินค้าในปัจจุบัน ผู้ประมูลก็จะเป็นครอบครัวฝ่ายชาย  หรือฝ่ายชายเองโดยตรง

หญิงสาวที่หน้าตาสวยงามตามมาตรฐานความงามของคนในยุคสมัยนั้น ก็ต่างถูกประมูลในราคาที่สูง และถูกแย่งชิงตัวกัน ผู้ที่ให้ราคาที่มากที่สุดก็จะได้หญิงสาวนั้นไปครอบครอง และผู้ชายก็ยังได้สินสอดจากครอบครัวฝ่ายหญิงในพิธีการแต่งงานนี้อีกด้วย ถือว่าการแต่งงานนี้ก็ยังได้ผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย

ในขณะเดียวกัน หญิงสาวที่หน้าตาต่ำกว่ามาตรฐานความงามในสมัยนั้น หากไม่มีฝ่ายชายมาประมูล ครอบครัวฝ่ายหญิง ก็จะดึงดูดด้วยการเพิ่มสินสอดที่จะมอบให้ฝ่ายชายมากขึ้น ทำให้ฝ่ายชายที่ไม่ได้มีฐานะดีมาประมูลจนกลายเป็นเศรษฐีไปได้เลย

เมื่อเข้าพิธีการแต่งงานจนเป็นสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญในเรื่องต่อมาก็คือการกำเนิดทายาท โดยหากผ่านไปหลายเดือนแล้วหญิงสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์ ในยุคนั้นก็ถือว่าหญิงสาวผู้นั้นขาดตกบกพร่องในหน้าที่ความเป็นภรรยา

ฝ่ายชายสามารถพาตัวเจ้าสาวนำกลับไปคืนครอบครัวของฝ่ายหญิงได้ โดยครอบครัวฝ่ายหญิงต้องคืนเงินให้ฝ่ายชายเป็นเงินที่ประมูลไว้ และฝ่ายชายก็จะต้องคืนสินสอดให้ฝ่ายหญิงอีกด้วย

หลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็จะถูกตีตราว่าเป็นหญิงสาวที่บกพร่อง ทำให้อับอาย แถมจะกลับไปประมูลอีกครั้งก็คงจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากหญิงสาวที่เสียพรหมจรรย์ถือได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ไม่บริสุทธิ์

แต่ในทางกลับกันฝ่ายชายก็ยังสามารถไปประมูลเจ้าสาวคนใหม่ เพื่อเลือกมาเป็นภรรยา และสร้างครอบครัวใหม่ได้อีกด้วย