วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2567

มานซา มูซา จักรพรรดิแห่งมาลีผู้ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดไม่รู้ว่าจะร่ำรวยขนาดไหนเรามีข้อมูลมาให้ท่านได้ชมกันครับ


ความร่ำรวยเศรษฐีมหาเศรษฐีแปะเจ้าสัวมีเงินทองมากมายก่ายกองจักรพรรดิต่างๆหรือแม้แต่กษัตริย์ที่อาณาจักรร่ำรวยสุดท้ายแล้วเงินทองทองคำที่มีมากมายก่ายกองนั้นก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้ถ้าตัวเองกำลังจะตายไร้ค่า เงินทองเป็นของนอกกายตายไปก็เอาไปไม่ได้จบ 


แต่ก็อย่างว่าล่ะครับเงินทองคำเพชรพลอย ความร่ำรวยตอนที่มนุษย์กำลังมีชีวิตอยู่ใครๆก็อยากมีทั้งนั้นแหละเพราะมันบันดาลความสุขให้ชั่วครั้งชั่วคราวมันก็เป็นกิเลสหรือความรู้สึกของมนุษย์ทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนก็คิดเหมือนกันหมดสุดท้ายแล้วมันก็คือวัตถุไร้ค่านั้นเองเมื่อเราตายไปแล้วเงินทองเพชรนิลจินดาต่างๆมันก็ไร้ประโยชน์
    

มานซา มูซา จักรพรรดิแห่งมาลีผู้ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุด
เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน เป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปี 2019 โดยประเมินว่า เขามีทรัพย์สินทั้งหมด 1.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.16 ล้านล้านบาท เขาจึงเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์


บุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในประวัติศาสตร์ คือ มานซา มูซา ผู้ปกครองแอฟริกาตะวันตกในศตวรรษที่ 14 ซึ่งร่ำรวยมากและแจกจ่ายทรัพย์สินให้แก่ผู้อื่น จนสร้างความวุ่นวายต่อระบบเศรษฐกิจของทั้งประเทศ และนี่คือเรื่องราวของ มานซา มูซา จักรพรรดิที่ร่ำรวยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก


#1 มานซา มูซา เป็นผู้ปกครองจักรวรรดิแอฟริกาตะวันตก ในช่วงปี 1312-1337


#2 อาณาจักรของเขาร่ำรวยด้วยเกลือและทองคำ จึงสามารถแผ่ขยายอำนาจไปได้ไกลถึง 2,000 ไมล์


#3 ถ้าเทียบกับแผนที่ในปัจจุบัน ดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิมูซา ได้แก่ ประเทศมอริเตเนีย เซเนกัล แกมเบีย กินี บูร์กินาฟาโซ มาลี ไนเจอร์ ไนจีเรีย และชาด


#4 ชาวโลกได้รับรู้ถึงความร่ำรวยของจักรพรรดิผู้นี้ในปี 1324 เมื่อเขาเดินทางไปแสวงบุญครั้งใหญ่ ที่มหานครมักกะฮ์ ดินแดนแห่งพันธสัญญา


#5 เขารวบรวมกองคาราวานที่ว่ากันว่า เมื่อมองไปยังกองคาราวานนั้น จะเห็นมันทอดยาวไปจนสุดสายตา


#6 ประมาณการกันว่ามีอูฐนับ 100 ตัวที่ทำการขนทองและทรัพย์สมบัติ ยังไม่รวมทาสอีก 500 ชีวิตที่แบกหามเฉพาะทองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น




#7 ผู้ที่ได้พบกองคาราวานของจักรพรรดิมูซากล่าวว่า เขายังมีทาสหญิงอีก 12,000 คน ที่คอยแบกหามข้าวของต่างๆ

#8 โดยการเดินทางครั้งนี้จักรพรรดิมูซาแจกเงินมหาศาลตลอดเส้นทาง

#9 และยังทรงแจกทองคำจำนวนมากให้แก่ผู้คนในกรุงไคโรในช่วงที่พำนักที่นั่นนาน 3 เดือน จนทำให้ราคาทองคำในภูมิภาคนั้นร่วงลงนาน 10 ปี สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ

#10 ความยิ่งใหญ่และความร่ำรวยทำให้เขาถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เช่น แผนที่ Catalan Atlas ปี 1375

#11 ในปัจจุบันแผนที่ดังกล่าวนี้ถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะบล็อกในมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น และมีกำหนดการจะย้ายไปจัดแสดงต่อที่วอชิงตันดีซีภายในปี 2020 ต่อไป

#12 ชาวยุโรปในยุคนั้นมองว่าอาณาจักรของเขาคือดินแดนแห่งความมั่งคั่งร่ำรวยและความรุ่งโรจน์



#13 จนกระทั่งปัจจุบัน ผู้คนก็ยังวิเคราะห์กันว่าจักรพรรดิมูซาน่าจะเป็นผู้ที่มีทองคำมากที่สุดในโลก

#14 เขาไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่สนใจแค่เพียงอำนาจเงินทองเท่านั้น เขายังให้ความสำคัญกับด้านความรู้และการศึกษา โดยเป็นผู้สร้างทั้งโรงเรียน มัสยิด และมหาวิทยาลัยหลายแห่งในทิมบักตู

#15 เขาเป็นผู้สร้าง Djinguereber Mosque มัสยิดที่มีชื่อเสียง ที่ยังคงตั้งตระหง่านมาจนถึงปัจจุบัน


#16 จักรพรรดิมูซาปกครองดินแดนนาน 25 ปี ก่อนจะสิ้นพระชนม์ในปี 1337 แต่ชื่อเสียงและเรื่องราวของเขาจะเป็นตำนานที่เล่าขานเกี่ยวกับยุคทองของแอฟริกาตะวันตกไปตราบนานเท่านาน

วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2567

มีจริงๆรึนี้หลุมบ่อปาฏิหาริย์ ชุบชีวิตให้คนตายแล้วฟื้นได้อย่างน่าอัศจรรย์


มีจริงไปรึนี้หลุมบ่อปาฏิหาริย์ ชุบชีวิตให้คนตายแล้วฟื้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

เรื่องราวอันแปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นในรัฐหรยาณาของประเทศอินเดีย หลังจากที่มีรายงานว่าชายชราคนหนึ่งที่แพทย์ระบุว่าเสียชีวิตแล้ว สามารถกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากรถพยาบาลที่เขาโดยสารอยู่เกิดตกหลุมลึกบนถนน

ปัญหาถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ถือเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในประเทศอินเดีย โดยส่วนใหญ่มักสร้างอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ จนกระทั่งถึงแก่ชีวิต

แต่สำหรับเรื่องราวของ ดาร์ชาน ซิงห์ บราร์ คุณตาวัย 80 ปี ผู้นี้อาจต้องขอบคุณหลุมบ่อบนท้องถนนที่ช่วยให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งราวกับปาฏิหาริย์

ตามรายงานระบุว่า หลังจากที่ดาร์ชานรู้สึกไม่สบายมาหลายวัน หลานชายคนหนึ่งของเขาจึงตัดสินใจพาคุณตาไปโรงพยาบาลท้องถิ่นใกล้บ้าน

ในตอนนั้นเอง ดาร์ชานถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อบริเวณหน้าอกอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อสภาพหัวใจที่เขาเป็นอยู่ก่อนหน้า และแม้ว่าแพทย์จะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของคุณตาเอาไว้ได้ และจากโลกนี้ไปหลังจากสวมเครื่องช่วยหายใจเป็นเวลา 4 วัน

แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอันแปลกประหลาดเท่านั้น…


บาลวัน ซิงค์ หลานสานของคุณตาคนหนึ่งกล่าวว่า “พี่ชายของฉันที่อยู่ในเมืองปฏิอาลา แจ้งให้พวกเราทราบประมาณ 9 โมงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของคุณตาเรา และเขากำลังพาร่างของคุณตาไปประกอบพิธีที่เมืองนิสซิงที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 100 กิโลด้วยรถพยาบาล”

“เราได้แจ้งให้ญาติและชาวบ้านทราบแล้ว ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้หมด”

แต่แล้วก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น เพราะในขณะที่รถพยาบาลกำลังเดินทางไปที่เมืองนิสซิง จู่ ๆ รถก็ตกหลุมบ่อบนถนนหลุมหนึ่ง


และอีกไม่นานต่อมา หลานชายของคุณตาก็สังเกตเห็นว่า มือของคุณตาเริ่มขยับ เขาจึงรีบตรวจชีพจรและก็พบว่ามันกลับมาเต้นอีกครั้ง เขารีบแจ้งให้คนขับรถพาคุณตาขับไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

หลังจากได้รับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองนิสซิง แพทย์ได้ยืนยันว่าดาร์ชานยังมีชีวิตอยู่ แต่อาการของเขาก็ยังไม่สู้ดีนัก จากนั้นดาร์ชานได้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลในเมืองกรนาลเพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง


แต่แพทย์ที่นี่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า ดาร์ชานเคยหัวใจหยุดเต้นมาก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่ตอนนี้เขามีชีวิตอยู่และหายใจได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากเมื่อเทียบกับอาการป่วยที่เขาเป็นก่อนหน้านี้