วันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2567

พบวาฬโอมูระเผือก (Balaenoptera omurai)รายแรกเมืองไทย


ภารกิจการสำรวจวาฬโอมูระเผือกสำคัญอย่างไร
        
ฟังดูเป็นเรื่องตื่นเต้นที่มีการพบวาฬโอมูระเผือก (Balaenoptera omurai) เพราะมีความโดดเด่น แปลกตา ซึ่งอาจเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องของวาฬและการอนุรักษ์มากขึ้น แต่ในเชิงชีววิทยาการพบลักษณะเผือก (Albinism) เป็นสิ่งไม่ดีนักเนื่องจากเป็นการแสดงออกของยีนด้อยที่ชื่อ Tyrosinase gene 


มีผลทำให้การสร้าง Melanin น้อยกว่าปกติหรือสร้างไม่ได้เลย ลักษณะเผือกมักก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับสัตว์ เช่น ผิวหนังมีความไวต่อแสงแดดมากขึ้น มีปัญหาเรื่องการมองเห็น และเป็นจุดสนใจของผู้ล่า ภาวะเผือกสามารถพบได้ทั้งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ในกลุ่มโลมาและวาฬ มีรายงานยืนยันภาวะเผือก เช่น วาฬหลังค่อม (Megaptera novaeangliae) ที่ออสเตรเลีย วาฬหัวทุย (Physeter macrocephalus) ที่โปรตุเกส วาฬเพชฌฆาต (Orcinus orca) ที่รัสเซีย และวาฬริสโซ่ (Grampus griseus) ที่อเมริกา 
        
วาฬโอมูระได้รับขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าสงวน โดยเหตุผลที่สำคัญคือจำนวนประชากรในประเทศไทยน้อยกว่า 50 ตัว และเป็นสัตว์ประจำถิ่นที่พบแพร่กระจายเฉพาะในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อดูจากแผนที่การแพร่กระจายและภูมิศาสตร์ กลุ่มวาฬโอมูระฝั่งทะเลอันดามันมีแนวโน้มแยกตัวจากกลุ่มประชากรหลักทางฝั่งอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้เชื่อว่าประชากรวาฬโอมูระฝั่งอันดามัน มีจำนวนประชากรน้อยมาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการผสมกันเองมากขึ้น ส่งผลต่อการเกิดสภาวะเผือก ทำให้การอนุรักษ์มีความยากและท้าทายมากในการรักษากลุ่มประชากรโอมูระเฉพาะถิ่นฝั่งทะเลอันดามัน

 

 การหาคำตอบของจำนวนประชากร การแพร่กระจาย สุขภาพ ความสัมพันธ์กับกลุ่มประชากรอื่น ตลอดจนภัยคุกคาม จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อการวางแผนและดำเนินการอนุรักษ์อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเราต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านี้ ข้อมูลดีเอ็นเอจากวาฬโอมูระเผือกและวาฬโอมูระตัวอื่นๆ จะช่วยให้นักวิจัยทราบถึงความหลากหลายทางพันธุกรรม ปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นตามธรรมชาติ 

ตลอดจนการไปมาหาสู่กับกลุ่มประชากรในอีกฝากฝั่งทะเล เป็นสิ่งที่รอการพิสูจน์ให้ชัดเจน และหากข้อสมมุติฐานของการแยกกลุ่มประชากรย่อยเป็นจริง นั่นคือความรับผิดชอบที่เราต้องรักษากลุ่มประชากรหนึ่งเดียวของโลกนี้ไว้